![](image2012/PicForColumnis/columnistStory1_1.png)
แท็กซี่ ย่อมาจาก แท็กซี่ แค็บ (Taxicab)
ผู้ใช้คำนี้คนแรกคือ นายแฮร์รี่ เอ็น อัลเลน
นักธุรกิจาวนิวยอร์ก ที่นำรถแท็กซี่มาจาก
ฝรั่งเศส โดยย่อมาจากคำว่า แท็กซี่มิเตอร์
แค็บ (Taximeter cab) Cab ย่อมาจาก
คำว่า Cabriolet ซึ่งหมายถึง ภาษีหรือ
การคิดเงิน คำว่า Meter มาจากรากศัพท์
ภาษากรีกว่า Metron แปลว่า วัดระยะทาง
ก่อนกำเนินแท็กซี่ มีรถม้ารับ-ส่ง คนโดยสาร
ทั้งในปารีสและลอนดอน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17
เป็นต้นมา โดยมีราชสำนักของทั้งสองนคร เป็นผู้ออก
ระเบียบควบคุมจำนวนรถ ศตวรรษที่ 19
มีการปรับปรุงให้รถม้ามีขนาดใหญ่ขึ้น และปรับปรุงด้าน
ความเร็ว และความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร
มากขึ้น แต่ยังใช้ม้าลากรถอยู่ โดยเรียกว่า รถแฮนซั่ม
แค็บ (Handsom cabs)
ทศวรรษที่ 1890 ยานพาหนะที่ใช้พลังงาน![](image2012/PicForColumnis/columnistStory1_2.png)
ไฟฟ้าเริ่มแพร่หลาย ทั้งในปารีส ลอนดอน
นิวยอร์ก โดยเฉพาะที่ลอนดอน จะเรียกรถ
รับจ้าง ดังกล่าวว่า ฮัมมิ่งเบิร์ด จากเสียง
ของ
รถ แต่ผู้ริเริ่มแท็กซี่จริง ๆ
เป็นชาวเยอรมัน
ชื่อ วิลเฮล์ม บรุห์น
(Wilhelm Bruhn) ซึ่งเป็นเจ้าตำรับการคิด
ค่าโดยสารแบบแท็กซี่มิเตอร์ด้วย
ส่วนผู้ที่ผลิตแท็กซี่มิเตอร์สมัยใหม่คือ ก็อตไลบ์
เดมเลอร์ ในปี 1897 เรียกชื่อว่า
เดมเลอร์วิกตอเรีย จากนั้นเริ่มมีบริษัทผลิต
แท็กซี่อย่างจริงจังที่เมืองสต๊ดการ์ด เจ้าของคือ นายฟรีดิช ไกรเนอร์ ปี 1988 เริ่มมีรถแท็กซี่
ที่ใช้น้ำมัน เป็นเชื้อเพลิงในกรุงปารีส สี่ปีต่อมาที่กรุงลอนดอน และอีกสี่ปีที่นครนิวยอร์ก
สำหรับที่นิวยอร์ก เป็นการนำเข้าจากฝรั่งเศสโดยนักธุรกิจ ชื่อนายแฮรี่ เอ็น อัลเลน ซึ่งเป็นผู้ที่
ริเริ่มเรียกคำว่า “แท็กซี่” เป็นคนแรก ทั้งยังเป็นคนที่พ่นสีรถแท็กซี่เป็นสีเหลือง
คนแรก หลังจาก
ที่ได้เรียนรู้ว่า สีเหลืองเป็นสีที่มอง เห็นได้ชัดเจนที่สุดในระยะไกล ซึ่งต่อมาได้
กลายเป็นสีรถ
แท็กซี่ที่แพร่หลายในอเมริกา
ต้นศตวรรษที่ 20 แท็กซี่แพร่หลายอย่าง
รวดเร็วไปทั่วโลก กระทั่งมีการพัฒนาติด
วิทย ุสื่อสาร ภายในรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ความรวดเร็วในการบริการผู้โดยสาร
ดังเช่นในปัจจุบัน
|